ประเด็นสำคัญ
ผู้บริหารเปลี่ยนเป้าหมายของปีนี้จากการเติบโตของสินเชื่อมาเป็นความแข็งแกร่งของธุรกิจ
Key1 ด้าน NPL จะเพิ่ม Coverage ratio ให้ถึง 100% ใน Q3/15 (จากสิ้นปี 2014 ที่ 85% สิ้นปี 2013 ที่ 83%)
Key2 เพิ่มอัตราส่วนทุน(ชั้นที่ 1)/หนี้สิน ให้เกิน 10% และ ทุน (ชั้นที่ 2)/หนี้สิน ให้เกิน 15 %
----------------------------------
ปี 2014 ยอดสินเชื่อของธนาคารธนชาติ (ธุรกิจหลัก) พลิกลดลงต่อเนื่องจากที่ตั้งเป้าว่าจะขยายตัวเล็กน้อย แต่ก็ยังทำกำไรได้เรื่อยๆ และคาดว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อส่วนบุคคลซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักจะลดลงทุกเดือนต่อเนื่องไปอีกทั้งปี ส่วนสินเชื่อธุรกิจ ก็แข่งขันกับแบงค์ใหญ่ไม่ได้เนื่องจากต้นทุนสูงกว่ามาก
เห็นได้ว่าในปี 2015 ผู้บริหารมี Mindset ที่สะท้อนความเป็นจริงที่ผ่านมาของธุรกิจมากขึ้น และจะมีแนวทางการดำเนินงานที่อนุรักษ์กว่าเมื่อปีที่แล้ว
กลยุทธในปี 2015 ของผู้บริหารคือ เมื่อขยายไม่ได้ก็ไม่ขยาย เน้นตั้งรับกว่าปีก่อนเข้าไปอีก เน้นเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท และเพิ่มคุณภาพสินทรัพย์
Key 1 จะเพิ่ม Coverage ratio ให้ถึง 100% ใน Q3/15 (จากสิ้นปี 2014 ที่ 85% สิ้นปี 2013 ที่ 83%)
แนวทางปฎิบัติคือ – เข้มงวดการปล่อยกู้ขึ้นอีก ไม่ให้มี NPL ใหม่ และจะยังตั้งสำรองระดับสูงต่อไป (กำไรน้อยหน่อยไม่เป็นไร) และ จะมีการตะลุยขายNPL ออกไปเพิ่มอีกเยอะมากโดยเฉพาะส่วนที่ยังไม่ได้ตั้งสำรองเต็มจำนวน (บางส่วนกำไร บางส่วนขาดทุน แต่ลดความเสี่ยงไปเยอะ) ถ้าไม่อยากให้กระทบผลกำไรคงต้องใช้ฝีมือมากหน่อย
Key 2 เพิ่มอัตราส่วนทุน/หนี้สิน
แนวทางปฎิบัติคือ – จริงๆไม่ต้องทำอะไรก็เป็นไปเองอยู่แล้ว เมื่อไม่พยายามดื้อขยายสินเชื่อ สินเชื่อที่ลดลงและได้รับเป็นเงินสดคืนมาราวเดือนละ 4000 ก็เอาเงินคืนหนี้ไป ส่วนกำไรสะสมก็เพิ่มขึ้นตลอด สัดส่วนก็จะดีขึ้นเอง
สรุป แม้จะไม่เชื่อว่าบริษัทจะเพิ่ม Coverage Ratio เป็น 100% ได้ทันใน Q3/15 แต่ผมชอบแนวคิดที่ ผู้บริหารจะไม่ฝืนเน้นขยายสินเชื่อ แต่เน้นเพิ่มความแข็งแกร่งเพื่ออนาคต(อันไกลหน่อย) ซึ่งเมื่อบริษัทมีการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น จะส่งผลให้ต้นทุนการเงินของบริษัทที่จะต้องกู้มาในอนาคตต่ำลงและแข่งขันได้ดีขึ้น
ข้อมูลเพิ่มเติม
เมื่อปีก่อน TBANK ขาย NPL ออกไป 1.2 หมื่นล้านให้กับ เจมาร์ท(JMT) ในราคาราว 16% ของมูลค่าสิทธิเรียกร้อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น